วงการฟุตบอลเริ่มร้อนเป็นไฟอีกครั้งเมื่อสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปเริ่มตรวจการใช้เงินชื้อนักเตะอย่างจริงจัง กลายเป็นกฎที่ออกมาแล้วทำให้สโมสรใหญ่ที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังเริ่มเปลี่ยนความคิดที่จะใช้เงินชื้อความสำเร็จ เรือใบสีฟ้าก็เป็นอีกทีมที่ถูกจับตามองจากสมาคมอย่างจริงจัง แล้วดูท่าก็จะส่งผลกระทบที่เลวร้ายกับสโมสรอีกด้วย ถึงแม้แมนฯ ซิตี้จะประสบความสำเร็จคว้า 3 แชมป์ในปีนี้ แต่ดูจากปฏิกิริยาของสื่อที่อังกฤษกลับไม่คอยสนใจกับเรื่องนี้เท่าไร โดยที่เป๊ป กวาร์ดิโอล่าได้เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขารู้สึกน้อยใจกับสื่อที่ไม่ได้ให้ความสนใจกับทีมของเขาเท่ากับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด หรือ ลิเวอร์พูล ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ดูจะน่าตื่นตาตื่นใจตลอดเวลา จุดนี้ถ้ามองง่ายๆ
สองทีมนี้มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานแล้วฐานแฟนบอลนั้นก็เยอะกว่าทีมแมนฯ ซิตี้ที่พึ่งจะมาประสบความสำเร็จในช่วงหลัง อาการแบบนี้ดูเหมือนกับว่าเป๊ป กวาร์ดิโอล่ามีอารมณ์น้อยใจชัดเจน ซึ่งในตอนหลังสื่อได้ลงข่าวว่าทีมเรือใบได้ใช้เงินในการชื้อความสำเร็จเหมือนกับเป็นทีมที่มีมิติเดียวเก่งเวอร์จนไม่มีจุดอ่อนแล้วมันทำให้ฟุตบอลดูไม่สนุก ซึ่งถ้าเทียบกับสองทีมดังของเกาะอังกฤษที่มีดราม่าตลอดเวลามีแพ้เสมอจนทำให้คนมองว่ามีเสน่ห์มากยิ่งกว่า การฉลองแชมป์ของแมนฯ ซิตี้นั้นดูจะเงียบๆ ไปหลังจากมีข่าวการละเมิดกฎการชื้อนักเตะที่ดูแล้วก็จะเป็นความจริงเสียด้วย ลองคิดดูว่าถ้ามันเป็นเป็นเรื่องจริงแมนฯ ซิตี้ก็จะถูกแบนไม่ให้ไปเล่นบอลถ้วยยุโรปแล้วนั้นเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างมากกับรายได้ที่จะได้รับจากการไปเตะบอลยุโรป ซึ่งกฎนี้จะทำให้ทีมเรือใบมีความชั่งใจในการชื้อตัวนักเตะหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับประธานสโมสรที่จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้ กฎไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์ถูกทำขึ้นมาเพื่อทำให้ทีมใหญ่อยู่ในกรอบของการเงิน และทำให้ทีมใหญ่ที่มีเงินมีมาตรฐานที่ไม่มากจนเกินไปแล้วทำให้ฟุตบอลมีความใกล้เคียงกันไม่ใช่ว่าทีมใหญ่จะชนะทีมเล็กได้แบบง่ายๆ ข่าวนี้ถือว่าเป็นข่าวร้ายสำหรับทีมที่คิดจะใช้เงินเพื่อความสร้างความสำเร็จอย่างแท้จริง กระแสข่าวแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาครั้งแรกเพราะทีมดังอย่าง บาร์เซโลน่า, เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ก็เคยเจอกับกฏไฟแนนเชี่ยล แฟร์ เพลย์เช่นกัน แต่ถึงอย่างไรแล้วแมนฯ ซิตี้ก็พยายามชี้แจงว่าทีมไม่ได้ทำผิดกฎในเรื่องนี้แต่อย่างใด ซึ่งก็ต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะจบอย่างไรกับกฎที่สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการฟุตบอลในอนาคต