ในที่สุดวันที่บรรดาแฟนบอลปีศาจแดงส่วนใหญ่ต้องการก็มาถึงการตั้งโอเล่ กุนนาร์ โซลชาเป็นผู้คุมทัพแบบเต็มตัว 3 ปีด้วยกัน ไม่ต้องมีคำถามอะไรมากมายเกี่ยวกับการเข้ามาของเขาเพราะเจ้าตัวทำผลงานคืนชีพผีแดงขึ้นมาจากที่เคยไม่มีหวังในพื้นที่ไป UCL จนไปถึงอันดับในลีกที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งถ้าดูจากสถานการณ์แล้วครั้งนี้น่าจะเป็นบททดสอบครั้งที่สำคัญที่สุด
ในเกมดาร์บี้แมตช์ระหว่าง ทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด กับราชันชุดขาว เรอัล มาดริด ดูท่าจะจบไม่ง่ายๆ เสียแล้วเมื่อ แกเร็ธ เบล ได้ไปแสดงอาการดีใจที่หยาบคายหลังทำประตูได้ครบ 100 ประตูของเขาในเกมลีก ลา ลีกาสเปน ซึ่งเกมนัดนั้นเรอัล มาดริดเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 1-3 และแซงขึ้นเป็นรองจ่าฝูงมีคะแนนห่างจากผู้นำอย่างบาร์เชโลน่า 6 คะแนน และทิ้งอันดับ 3
ปีศาจแดงเล่นในบ้านสู้ศึกยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบ 16 ทีม นักแรก กับ ปารีสแซงต์-แชร์กแมง ผลออกมาทำเอาแฟนผีแดงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทีมที่เล่นในลีกผู้ดีฟอร์มดีมาโดยตลอดจะพลาดทางเสียทีให้กับทีมอย่างปารีสแซงต์-แชร์กแมงที่ขาดตัวหลักอย่าง เนย์มาร์, คาวานี่ และ เอดินสัน หลายคนคงคิดว่าเกมส์นี้แนวรุกของผู้มาเยือนนั้นน่าจะไม่มีความน่ากลัวอย่างแน่นอน แต่พอเริ่มการแข่งขันรูปแบบการเล่นของทีมปีศาจแดงก็ดูจะเล่นไม่ออกไปเฉยๆ เจ้าบ้านมีการเปลี่ยนแปลงทีมจากนัดล่าสุดที่เอาชนะ ฟูเล่มไปได้ 3-0 โดยมีการโรเตชั่นถึง 5 ตำแหน่ง ผู้จัดการทีมอย่าง โอเล่กุนนาร์ โซลชา คงไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะเสียสมดุลของทีมขนาดนี้ เพราะดูเหมือนกับว่าใจของนักเตะนั้นเริ่มกับมาอยู่กับทีมแล้วในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งก่อนเริ่มเกมส์ได้มีการยืนไว้อาลัยให้กับ เอมิเลียโน่ ซาล่า ดาวยิงที่ย้ายจากน็องต์ มาที่คาร์ดิฟฟ์ แต่ระหว่างเดินทางได้ประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินในวันที่ 21 มกราคม ที่ผ่านมา เข้าสู่เกมส์การแข่งขันนาทีที่ 8 มาร์คัส แรชฟอร์ดกระชากมาทางขวาเข้ามุมแคบแล้วยิงจากนอกกรอบบอลพุ่งเข้าทางเสาแรก แต่ทว่าบุฟฟ่อนยืนในตำแหน่งดีปิดเสาแรกเอาไว้ได้ทำให้บอลถูกทุบออกไปอย่างน่าหวาดเสียวในช่วงแรก ช่วง 20 นาทีต่อมาทั้งสองทีมยังคงไม่มีจังหวะยิงเท่าไรและเล่นกันด้วยความระมัดระวัง แต่พอเข้าช่วงนาทีที่ 28 ปารีสแซงต์-แชร์กแมงมีโอกาสหลุดกับดักล้ำหน้าจากจังหวะที่ ดรักซ์เลอร์ จ่ายบอลเร็วให้ เอ็มบัปเป้ หลุดเข้าไปดวลกับ เดเคอา แต่เอ็มบัปเป้กับยิงหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำฟาวล์เพื่อตัดเกมส์กันไปมาจนไม่มีทีมไหนตั้งบอลขึ้นมาได้ ครึ่งแรกจบลงด้วยสกอร์ 0-0 แต่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 4 นาที เจสซี่ ลินการ์ด เกิดมีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหว ทำให้ต้องส่ง อาเลกซิส ซันเชซ ลงมาแทน เข้าสู่เกมส์ครึ่งหลังดูเหมือนกับว่าทางปารีสฯ แก้เกมส์มาดีในนาทีที่ 50 อัลเวสเปิดบอลมาจากทางขวาให้กับเอ็มบัปเป้ ขึ้นโหม่งกดลงพื้นบอลทำท่าจะเข้าเสียบมุมล่างประตู แต่ เด เคอา โชว์เซฟปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด จากจังหวะต่อเนื่องปารีสฯ ได้เตะมุมทีมเยือนเปิดมุมจากด้านขวาเข้ามาบอลลอยมาทางเสาสองแล้วเป็น คอมเพมเป้ ยืนแปโล่งๆ ปารีสฯขึ้นนำ 0-1 […]
หากมองถึงทีมนี้ว่าใครจะได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อาจจะยังพูดได้ไม่เต็มปากมากนักเท่าไหร่ เพราะด้วยแต่ละทีมเองก็ยังจะต้องเจอกับทีมยักษ์ใหญ่อยู่บ้างจนกว่าจะหมดฤดูกาล ซึ่งอาจพลิกล็อคเอาได้ง่ายๆ กับคะแนนที่มีอยู่ อย่าง แมนซิตี้ เองก็มีสเปอร์สที่ไล่จี้อยู่ด้วยคะแนนที่หางกันเพียง 5 คะแนน ซึ่งก็ต้องลุ้นกันว่าใครจะทำผลงานได้ดีกว่ากัน เกมบุกระหว่าง ลิเวอร์พูล VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อพูดถึงเกมส์บุกจาก 23 นัดที่ผ่านมาของแต่ละทีมจะเห็นได้ว่า แมนซิตี้ ทำประตูรวมไปถึง 62 ประตู ซึ่งมากกว่า ลิเวอร์พูล ที่ทำไปได้เพียง 54 ทั้งที่ แมนซิตี้ มีโอกาสบุกในทุกๆ มากกว่าและเมื่อมองจากตัวผู้เล่นของทีมแต่ละทีมนั้นก็ไม่ได้ด้อยหรือดีไปกว่ากันซักเท่าไหร่ เกมรับระหว่าง ลิเวอร์พูล VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สำหรับเกมส์รับลิเวอร์พูล อาจจะทำได้ดีกว่า ของทางด้าน แมนซิตี้ ที่ดูผ่านๆ จากผลการเสียประตูจะเห็นได้อย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ผลคะแนนของ แมนซิตี้ เองนั้นเป็นรองทางด้าน ลิเวอร์พูล โดยที่เกมส์รับลิเวอร์พูลนั้นสามารถป้องกันได้ดีกว่าทางด้าน แมนซิตี้ ตั้งแต่การเข้าสกัดบอล จำนวนครั้งของการเคลียร์บอล แน่นอนกว่าการเคลียร์บอลให้ได้ก่อนที่จะอยู่ในระยะอันตรายนั้นเป็นส่วนสำคัญ ทำให้การป้องกันลูกตั้งเตะทำได้ง่ายกว่า เกมส์หลังจากนี้ระหว่าง ลิเวอร์พูล VS แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากโปรแกรมการแข่งขันที่เหลืออยู่ของระหว่าง 2 ทีม ในทุกลีกการแข่งขันนั้นต้องบอกเลยว่า แมนซิตี้ จะต้องรับศึกหนักหลายด้านเริ่มด้วยต้องเป็นทีมเหย้า 7 นัด กับ 4 ทีมยักษ์ใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และ สเปอร์ส พร้อมกับต้องลงถึง 4 ถ้วย รายการ ต่างกับลิเวอร์พูลที่จะได้เล่นในบ้านของตัวเอง 8 […]
ไม่รู้ว่าด้วยความขลังของมนตราหรือความเชื่อหรือเปล่าที่ส่งผลให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ผงาดขึ้นมาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อย่างซ็อกกูรูลูกหนังไปตามๆ กัน สิ่งที่ดูแล้วน่าสนใจก็คือการมาของเจ้าของคนไทยที่ทำเอาประเทศไทยต่างตรงอยู่ในกระแสเลสเตอร์ฟีเวอร์ ทันที นักเตะที่ไม่มีใครรู้จักว่าถิ่นกำเนิดบ้านเกิดอยู่ไหนกลับโชว์ให้เห็นแบบละเอียดยิบ ต้องบอกว่ามาแรงจริงๆ สำหรับจิ้งจอกแห่งพรีเมียร์ลีก ผลงานครั้งนี้เล่นเอานักวิเคราะห์ก็คงไม่คาดคิดว่านี้คือผลงานของทีมที่จะตกชั้นอยู่แล้วในฤดูกาลก่อน แล้วอะไรที่ทำให้พวกเขาน่ากลัวถึงขนาดนี้ พูดถึงระบบการเล่นเลสเตอร์เป็นทีมที่เน้นรับมากเป็นพิเศษหลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้เกมโต้กกลับโจมตีหรือมันเหมือนกับว่าปล่อยให้บุกไปก่อนพอเหนื่อยค่อยเผเด็จศึกทีเดียวจบเลย เพราะถ้าดูจากการเปอร์เซ็นต์การครองบอลของเลสเตอร์ไม่ได้มากกว่าทีมอื่นเลย เกมรับที่เหนียวแน่นก็ดูจะเป็นจุกเด่นของทีมชุดนี้รวมไปถึงกองหน้าที่มีความคมมาก ทำให้ค่าเฉลี่ยในการทำประตูนั้นเกือบจะ 100% เลยทีเดียว สิ่งที่มองข้ามไม่ได้อย่างหนึ่งคือ ตัวนักเตะไม่มีอาการบาดเจ็บเท่าไร ทำให้ระบบทีมเลยไม่เสียสมดุล ความกดดันที่มีน้อยกว่าทีมใหญ่ก็เป็นประเด็นที่ส่งผลต่อนักฟุตบอลทุกคนยิ่งอยู่ทีมใหญ่
วอยเซียค เชสนี่ย์ นายประตูของสโมสร หมาป่า แห่งกรุงโรม อาร์เอส โรม่า ก้มหน้ายอมรับว่าปัจจุบันตัวเองยังไม่รู้เลยว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อไปได้ เพราะจะรอให้ต้นสังกัดคุยกันก่อนถึงจะคิดต่อไปได้ ต้นสังกัดที่แท้จริงของ วอยเซียค เชสนี่ย์ ก็คือสโมสร อาร์เซนอล ยอดทีมของกรุงลอนดอน แต่ที่ วอยเซียค เชสนี่ย์ ต้องย้ายออกจากทีมมาอยู่กับสโมสร โรม่า เนื่องจากทีมไปคว้าตัวเอา ปีเตอร์ เช็ค เข้ามาร่วมทีม ซึ่งสิ่งนี้เองอันตรายมากๆต่อการหลุดออกจากทีมชาติโปแลนด์สู้ศึกฟุตบอล ยูโร 2016 กลางปีนี้ นายประตูมือกาวของทีมชาติโปแลนด์แม้ว่าจะโชว์ผลงานได้เป็นอย่างดีกับสโมสร โรม่า แต่ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรบ้าง “ผมไม่รู้เลย ปีหน้าจะได้อยู่ต่อเลยไหมกับ โรม่า ทีมนี้ ผมไม่รู้หรอกนะครับ” “ที่ผมรู้ก็เท่าๆกับที่พวกคุณได้รู้กันว่ามันเป็นเรื่องของทั้งสองสโมสรที่จะคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้” “ดังนั้นผมต้องบอกเลยว่าผมมีความสุขเป็นอย่างมากครับที่ได้มีโอกาสได้ช่วยทำให้ทีมๆนี้เดินหน้าต่อไปข้างหน้า แม้ว่าในบางครั้งมันจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้นมาบ้าง โดยเฉพาะการที่พวกเราเสียประตูในเกมกับ ลาซิโอ แต่ก็ช่างมันเถอะ เกมกับนาโปลีผมเป็นหนึ่งในคนที่ช่วงทำให้สโมสรเอาชนะได้” สิ่งที่ตอนนี้ วอยเซียค เชสนี่ย์ หวังเอาไว้คงเกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะ โรม่า อาจะไม่ยอมทุ่มเงินค่าตัวมหาศาลเป็นค่าเหนื่อยให้กับเขาและสโมสร อาร์เซนอล ซึ่งช่วงเวลาแบบนี้นับว่าเป็นเวลาที่น่าอึดอัดใจเป็นอย่างมากสำหรับนักเตะ
แวงซ็องต์ กอมปานี กัปตันทีมเรือใบ หวังจะเห็นแฟนบอลของทีมตัวเองตะโกนส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปลั่นโลกเพื่อข่มขวัญแฟนบอล เรอัล มาดริด ในศึกฟุตบอลยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีกรอบรองชนะเลิศเกมแรก คาดกันว่า กอมปานี จะได้รับโอกาสลงสนามในเกมดังกล่าวแน่นอน เพราะต้องรับมือกับผู้เล่นระดับโลกมากมายของ เรอัล มาดริด ไม่ว่าจะเป็น คริสเตียอาโน่ โรนัลโด้ หรือว่า แกเรธ เบล และ คาริม เบนเซม่า ดังนั้น แวงซ็องต์ กอมปานี ก็เลยต้องการให้เสียงเชียร์กระหึ่มให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ “พวกเราได้เล่นกับหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่เอามากๆที่สุดตลอดกาล และกองเชียร์นั้นเป็นส่วนสำคัญที่สร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างดี” “ผมไม่เคยเห็นทีมของเราไม่สู้เต็มที่เลยในช่วงเวลาที่แฟนบอลหนุนหลังอย่างเต็มที่ แฟนๆปลุกเร้าพวกเราและยืนหยัดอยู่ข้างกายเราได้อยู่เสมอ” “ดังนั้นพวกเราก็เลยอยากได้ยืนเสียงแฟนบอลร้องเพลงกันดังที่สุดเท่าที่จะดังได้ ไม่เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะซื้อตัวเข้ามาในสนามแห่งนี้กันเพื่ออะไร” “แล้วถ้าหากว่าพวกเราโชว์ผลงานได้เป็นอย่างดีสำหรับการหยุดยั้งทั้ง โรนัลโด้ และ เบล ได้สำเร็จพวกเราก็ต้องดูกันอีกทีแล้วแหละว่าจะทำได้ไหม เราจะเอาชนะได้อย่างไรกันบ้าง” เกมในสนาม เอติฮัท เกมแรกนี้เป็นวันที่สำคัญมากๆเพราะถ้าหากว่าเก็บผลการแข่งขันที่ดีได้ก็จะมีลุ้น แต่ถ้าหากว่าเก็บผลการแข่งขันที่ดีๆไม่ได้เท่ากับว่าเกมที่สองพวกเขาต้องเจอกับนรกในสนาม ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ทันที
โคโล่ ตูเร่ ปราการหลังสุดหล่อของสโมสร ลิเวอร์พูล ยกมือขวาขึ้นมาขออาสาทำหน้าที่ปกป้องประตูให้กับทีมไม่ให้เสียหายในเกมบุกไปเยือน บีญาร์เรอัลที่สนามในประเทศสเปน ภายหลังจากที่ มามาดู ซาโก้ ปราการหลังทีมชาติฝรั่งเศสกำลังมีปัญหาเรื่องการใช้สารกระตุ้น ภายหลัง มามาดู ซาโก้ ไม่ผ่านการตรวจสารกระตุ้นในเกมที่เล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อกลางเดือนก่อน ทำให้ทีม หงส์แดง ไม่อาจจะใส่ชื่อนักเตะรายนี้ลงเป็นหนึ่งในตัวจริงให้กับทีมได้จนกว่าคดีนี้จะได้รับการตัดสิน สำหรับ ตูเร่ เขาได้ลงสนามมาแทนกองหลังทีมชาติตราไก่ในช่วงที่มีปัญหานี้ทั้งในเกมกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด รวมถึงในเกมที่จะเล่นกับ บีญาร์เรอัล ก็จะได้รับโอกาสค่อนข้างแน่ “ผมต้องบอกเลยนะครับว่าผมพร้อมมากๆแล้ว และภายหลังจากที่ผมต้องเจอกับ นิวคาสเซิ่ล มันช่วยให้มีความพร้อมมากกว่าเดิมเยอะเลยทั้งในด้านจิตใจแล้วก็ด้านร่างกาย” ผมคิดว่าที่ผ่านมาผมทำได้ดีแล้ว แต่ผมก็ยังจำเป็นต้องทำการพักฟื้นอยู่บ้าง เพราะเพื่อให้พร้อมมากที่สุดในเกมที่จะถึง สำหรับ มาร์ติน เขาก็พร้อมจะลงสนามเหมือนกัน เช่นกันกับ ลูคัส เลว่า ที่เล่นเป็นกองหลังได้ แต่คุณๆก็ทราบกันเป็นอย่างดีนะครับว่าทุกสิ่งขึ้นอยู่กับว่าผู้จัดการทีมของเราคิดอย่างไร การได้ทำงานกันเป็นทีมมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดแล้วสำหรับสโมสรแห่งนี้ ช่วงเวลานี้มันคือช่วงเวลาที่สุดสำคัญสำหรับสโมสร คุณควรจะรู้ว่าต้องทำให้มันดีที่สุดได้อย่างไร และถ้าหากว่าผมถูกเรียกตัวผมก็พร้อมทันที
โจเซป กวาร์ดิโอล่า ยอดกุนซือของสโมสร บาเยิร์น มิวนิค กล่าวยอมรับว่ามันไม่ใช่อะไรง่ายๆเลยกว่าทีมของเขาจะเอาชนะ โวล์ฟส์บวร์ก ได้สำเร็จ 2-0 และระบุเอาไว้อย่างชัดเจนมากๆว่าการเดินหน้าไปสู่การเป็นแชมป์นั้นไม่ใช่เรื่องๆที่ง่ายๆ แต่ถ้าหากว่าทุกๆอย่างมันยังไม่จบลงเขาก็ต้องเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ และเกมที่จะพบกับ ไมนซ์05 นับว่าเป็นเรื่องน่าสนใจจริงๆ ผู้จัดการทีมชาว สเปน เดินหน้าทำงานของตัวเองไปเหมือนเดิมแม้ว่าจะต้องย้ายออกจากทีมหลังสิ้นสุดฤดูกาลนี้ และการบุกไปเอาชนะ โวล์ฟส์บวร์ก ได้อย่างสุดยอด 2-0 แม้ว่าจะดูเหมือนไม่ยากแต่ทว่า กวาร์ดิโอล่า ก็กล่าวยกย่องว่าแท้จริงแล้ว ทีมเจ้าบ้านเล่นได้แข็งแกร่งสุดๆจนทีมของเขาต้องเจอกับงานที่ยากเหลือเชื่อ แต่ยังคิดว่าการเดินหน้าต่อไปเป็นเรื่องที่ต้องทำ และช่วงนี้ก็ทำการบ้านในเกมที่เจอกับ ไมนซ์ ต่อไปเลย “พวกเรานั้นรู้กันอยู่แล้วว่ามันคือเกมที่โคตรจะยากเลย แล้วมันคือเกมหลังจากเราต้องเจอกับ ยูเวนตุส เสียด้วยนะครับ ดังนั้นเราต้องเดินต่อไปให้ได้แม้ว่ามันจะเหนื่อยมากๆก็ตาม แต่ในเวลานี้ทีมของเราดูดีมากๆ ทุกๆอย่างมันยังไม่จบลงหรอกและเราต้องการเดินหน้าเก็บชัยชนะอย่างต่อเนื่องต่อไปเรื่อยๆให้ได้” “สิ่งที่เราทำคือเดินหน้าเก็บชัยชนะต่อไป ในเกมวันพุธที่จะเจอกับ ไมนซ์ เราไว้ใจไม่ได้เลยนะ แม้ว่าเราต้องลงสนามติดๆกันตอนนี้แต่เราต้องเน้นอยู่แล้ว เราหมดแรงไม่ได้เป็นอันเด็ดขาด แน่นอนเราต้องปรับตัวหน่อยเพราะเกมหนักๆมันเยอะโคตรๆ โดยเฉพาะในเดือน มีนาคม มันเป็นเป้าหมายของทุกๆทีม เรามีเป้าหมายเป็นแชมป์ทุกๆรายการเหมือนเดิมและเราจะเดินหน้าไล่ล่ากันต่อไป”
